วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558

บริษัทผู้ผลิตรถได้ติดตั้งเครื่องจับสันญาณไร้สายไว้เพื่อป้องกันรถหาย

ดิฉันเป็นคนที่กลัวผีมาแต่ไหนแต่ไร สงสัยว่าจะเป็นเพราะ ได้ยินได้ฟังผูใหญ่เขาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เสมอ ๆ เวลาผู้ใหญ่เขา ตั้งวงชุมนุมกาแฟหรือตั้งวงเหล้าแล้วมีเรื่องหยั่งงี้กนทีไร ดิฉันเป็นต้องเสนอหน้าเข้าไปฟังใกล้ๆ ตั้ง ๆ ที่กลัวแสนกลัวแต่เพราะโตขึ้นอย่างหนึ่ง กับความจำเป็นในการดำรงชีวิต บังคับให้ต้องขยันทำงานมากขึ้น ไม่ว่าดึกว่าดื่นอย่างไร ทำให้ ดิฉันต้องเลิกกลัวผีไปโดยปริยายแต่นั่น,ไม่ได้หมายความว่าดิฉันจะไม่โดนผีหลอกนะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่จำติดตาติดใจมาจนทุกกันนี้  เครื่องติดตามไร้สาย แม้เรื่องจะเกิด ขึ้นมากว่า 10 ปี แล้วก็ตาม เคราะห์หามยามร้ายของดิฉันเดิน เข้ามาหาเพราะความขยันแท้ๆ ท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมความ ขยันม้นจะหาเรื่องให้เราไต้อย่างไร เรื่องของเรื่องมันก็มาจาก ความยากจนนะแหละ ครอบครัวดิฉันเป็นครอบครัวยากจน พ่อทำงานเป็นช่าง ประจำอู่รถในเมือง แม่ขายข้าวแกงอยู่ในตลาด ส่วนดิฉันเองทำ งานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งในตัวเมืองมีเวลาว่างช่วงเช้าก่อนไปทำงาน และเย็นหลังเลิกงานเล็กน้อย การงานของดิฉันและพ่อไม่ค่อย จุกจิกเหมือนแม่เพราะแม่ต้องทำกับข้าวมากไม่ใช่อย่างสองอย่าง ทั้งแกงจืด แกงเผ็ด ทอด ผัดสารพัด ต้องตื่นแต่ดึกเพื่อไปซื้อของ ในตลาดขายของสด แม่ทำอย่างนี้มาตั้งแต่เป็นสาว จนกระทั้ง ดิฉันเป็นสาวขึ้นมาแทน แรกๆ ดิฉันช่วยแม่ไฟฟ้า ไต้แต่เพียงคั้นกะทิ หั่นผักและล้างชาม แต่พอยิ่งโตขึ้น ยิ่งสงสารแม่มากขึ้นเพราะแม่ แก่ตัวลงเรื่อยๆ กำลังวังชาก็มักจะถอยลงไม่แข็งแรงเหมือน เมื่อ ก่อน ทำให้ดิฉันอาสาไปจ่ายของแทนแม่ดิฉันต้องตื่นตั้งแต่ตีสองเดินผ่านเรือกสวนหลายขนัดจนไป  เครื่องติดตามตัว ถึงบ้านน้ามีซึ่งอยู่ติดถนน จึงจะหารถเข้าไปในตลาดไต้จ่ายตลาด เสร็จราว ตี 3 ตี 4 แม่จะพายเรือมารับที่ห้วสวนกัดบ้านน้ามีมา หน่อย ดิฉันต้องหิ้วของมารอแม่ที่นั่นยอมรับละค่ะว่า วันแรกที่ต้องเดินผ่านสวนไปจ่ายตลาด ดิฉันกลัวแทบตาย ก็สวนที่ว่านี่ทั้งมืด ทั้งวังเวง ต้นไม้ก็ครึ้มและรก เสียงสัตว์กลางคืนออกหากินทำให้ดิฉันต้องสะดุ้งอยู่หลายครั้งที เดียว ที่น่ากลัวที่สุดเห็นจะเป็นเสียงอะไรบางอย่างตกลงมาจาก ที่สูง มาหล่นอยู่ข้างหลังตังดุบใหญ่ ดิฉันออกวิ่งแน่บไม่คิดชีวิต ไม่กล้าห้น่ไปมองหรอกค่ะ กลัวมันไม่ใช่มะพร้าวนะสิ ดิฉันเล่าให้แม่ฟัง แม่หัวเราะใหญ่“ทำไมไม่หันไปดูให้รู้วะอีหนู ...” แม่ว่าดิฉันได้แต่หัวเราะแหะๆ ไม่กล้าเถียง ก็ใครจะกล้าสู้แม่ได้ ล่ะ แม่มีคาถาดี'ของตานี่นาเลยไม่กลัวผีไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมดิฉันไม่ขอท่องคาถาดีของแม่บ้าง คงเป็นเพราะไม่ทํนได้สนใจอะไรเท่าไร ซื้อกับข้าวเสร็จล่งให้แม่ แล้วดิฉันก็อาบนํ้าแต่งตัวไปท่างาน ดักฟังมือหนึ่งราคาถูก  ตกเย็นก็มาช่วยแม่ล้างจาน เก็บของกลับบ้าน เป็นอย่างนี้ทุกวันจนเริ่มเกิดความเคยชินก็เป็น ได้ไอ้ที่เคยกลัวๆก็ข้กเฉยๆ ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นกับดิฉันแม้ว่า จะมืเสียงเล่าลือถึงความน่ากลัวของเส้นทางที่ดิฉันใช้อยู่จากปาก ผู้ใหญ่ แต่ดิฉันถือว่าม้นเป็นเรื่องนานมาแล้ว จนกระทั่ง...บ่ายเกือบเย็นวันหนึ่งตอนที่ดิฉันช่วยแม่ขนหม้อแกงที่ขาย เสร็จแล้วลงเรือพายกลับบ้านก็ได้ยินชาวบ้านโจษกันว่ามีผู้หญิง ตกนํ้าตายแถวบ้านน้ามี เมื่อลงเรือที่หัวสวนฝานมาทางนั้นเห็นผู้ คนมุงดูเต็มไปหมดทั้งตำรวจและผู้ใหญ่บ้านที่เข้าไปชันสูตรดิฉัน หันไปมองหน้าแม่ทำนองว่า ไปดูกันไหม แต่แม่ปรามเอาไว้

เครื่องติดตามตัวบุคคล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น